สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประเมินความนโยบายทรัมป์ทำป่วน คาดการณ์ GDP ตลอดปี 68 จะโตต่ำลง อยู่ที่ร้อยละ 1.3 – 2.3
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทย ไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 และแนวโน้มปี 2568 ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของไทย ขยายตัวร้อยละ 3.1 ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ 3.3 ในไตรมาสที่4 ของปี 2567 เป็นผลจากภาคการผลิต และการใช้จ่ายยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะปริมาณการการส่งออกสินค้า ขยายตัวร้อยละ 13.8 และการส่งออกบริการขยายตัวร้อยละ 12.3 ขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 26.3 ส่วนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 0.89 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.1 และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 0.9 เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ขยายตัว เป็นผลมาจากการเร่งนำเข้าสินค้าจากประเทศปลายทาง แต่ระยะข้างหน้ายังไว้ใจไม่ได้ เพราะยังมีความไม่แน่นอนจากมาตรการการค้าระหว่างประเทศ ที่ยังมีความผันผวน โดยเฉพาะมาตรการภาษีของสหรัฐฯ แม้ตอนนี้จะผ่อนปรนลงแล้วส่วนหนึ่งแต่ภาพรวมก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ส่วนของแนวโน้มเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.3 – 2.3 ค่ากลางการประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 1.8 ซึ่ง สศช. ได้ปรับประมาณการใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว อยู่ที่ร้อยละ 2.3 – 3.3 ค่ากลางของการประมาณการอยู่ที่ 2.8 รวมถึงการปรับลดประมาณการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปีจะอยู่ที่ 37 ล้านคน จากเดิมที่ประมาณการณ์ที่ 38 ล้านคน
นอกจากนี้ สศช. ยังได้แนะนำการบริหารเศรษฐกิจของภาครัฐ 6 ข้อได้แก่ การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น เพื่อรักษาการเบิกจ่ายของภาครัฐให้ช่วยเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพทางการคลัง และสร้างเสถียรภาพ //ดำเนินการรองรับการยกระดับมาตรการการกีดกันทางการค้าของประเทศ //เร่งการเจรจากับสหรัฐฯ ตามที่รัฐบาลได้เตรียมการไว้ในหลายด้าน รวมทั้งเร่งรัดการส่งออกสินค้าและขยายตลาดใหม่ๆ และส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง //ปกป้องภาคการผลิตจากการทุ่มตลาดและการใช้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายในการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตรวจเฝ้าระวังเรื่องของการทุ่มตลาด //ให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของธุรกิจ SMEs เพื่อไม่ให้มีการปลดคนงานออกจากการทำงาน //ดูแลภาคเกษตร และรายได้เกษตรกร โดยเตรียมรองรับผลผลิตสินค้าเกษตร และลงทุนแหล่งน้ำขนาดเล็กและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ที่จะช่วยให้การท่องเที่ยวขยายตัวได้ต่อเนื่อง